คำพูดที่ไม่ควรพูดกับคนที่ส่งสัญญาณคิดฆ่าตัวตาย

Home » คำพูดที่ไม่ควรพูดกับคนที่ส่งสัญญาณคิดฆ่าตัวตาย

คำพูดที่ไม่ควรพูดกับคนที่ส่งสัญญาณคิดฆ่าตัวตาย

มาถึง Ep. สุดท้ายของเนื้อหาเรื่องการฆ่าตัวตาย ในตอนก่อนหน้านี้เราพอจะรับรู้แล้วว่า คนที่มีความคิดอยากทำร้ายตัวเอง หรือถึงขั้นอยากฆ่าตัวตายนั้น จิตใจภายในของเขามีความเจ็บปวด มองไม่เห็นหนทาง และเป้าหมายในการมีชีวิตต่อ การมองไม่เห็นค่าของตนเอง ความกลัวต่อสายตา และการตัดสินจากคนรอบข้างก็กดเขาไว้อย่างหนักหน่วง สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เขาไม่กล้าที่จะเปิดใจ เล่าเรื่องที่หนักอึ้งให้ใครต่อใครฟัง

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เขาไม่ต้องการกำลังใจ ความเข้าใจ ความห่วงใยจากคนรอบข้าง ก้นบึ้งในใจของเขานั้น ในวันที่เขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัยกับตัวเอง เขาอาจกำลังรอใครคนหนึ่งที่จะมาช่วยแบ่งเบาความหนักอึ้งนี้ หรือมองเห็นเขาที่กำลังจมดิ่ง แล้วมีใครช่วยเขาจากภาวะเหล่านี้ก็ได้

แต่แน่นอนว่า เราเองในฐานะคนใกล้ตัวก็คงทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะรับมือยังไง ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกหนักหน่วงของเขาแบบนี้ยังไง

มันเลยทำให้ บ่อยครั้งที่เราทำบางอย่างด้วยความตั้งใจดี อยากช่วยเหลือ อยากให้เขาคิดได้ อยากให้เขาปล่อยวาง และเลิกคิดฆ่าตัวตาย แต่…มันดูจะไม่ได้ผล และเหมือนมันไม่ช่วยอะไร จนเราถอดใจที่จะคิดช่วยเขา

เป็นไปได้ไหมว่า การกระทำ หรือคำพูดบางอย่างที่แสดงออกไปนั้น ขาดความระมัดระวัง ขาดความตระหนักและความเข้าใจ แต่กลับคาดหวังให้เขาทำตามสิ่งที่เราหยิบยื่นให้ด้วยความหวังดี ดันกลับได้ผลลัพธ์ที่แย่ลงกว่าเดิม???

เพราะเจตนาดีต้องมาพร้อมความเข้าใจและการกระทำที่รอบคอบ มีคำพูดมากมายที่ผู้พูด พูดออกไปเพราะอยากจะเรียกสติของผู้ที่คิดฆ่าตัวตาย หรือพูดออกไปเพื่อพยายามจะเห็นใจ เข้าใจ แต่มันอาจกลายเป็นคำพูดที่ยิ่งกดดัน ซ้ำเติม และกระตุ้นให้เขาต้องจมดิ่งในความคิดทำร้ายตัวเอง หรือกระทั่งการฆ่าตัวตาย

โพสนี้จึงขอยกตัวอย่างคำพูดที่ควรหลีกเลี่ยง…

1. “เรื่องเล็กแค่นี้เอง คนอื่นเขาเจออะไรหนักกว่าคุณอีก เขายังไม่คิดฆ่าตัวตายเลย” ฟังดูเหมือนคุณจะเข้าใจปัญหาของเขา

แต่สิ่งที่ผู้ฟังได้ยิน คือ “เป็นความผิดของฉัน ที่ฉันอ่อนแอ ไม่เข้มแข็งมากพอ และทนต่อปัญหาที่เข้ามาไม่ได้”

หากคุณจะลองเปลี่ยนเป็นบอกเขาว่า “ปัญหาที่คุณเจอมันหนักมากเลย เรื่องนี้มันเลยทำให้คุณรู้สึกแย่มากๆ คุณอดทน แล้วก็พยายามจะแก้ปัญหาอยู่ แต่มันดูแก้ไม่ได้สักที จนบางทีก็อาจจะไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วรึเปล่า”

2. “เอาหน่า อย่าคิดมาก ใจเย็นๆ ” ฟังดูเหมือนคุณกำลังจะปลอบใจเขา

แต่สิ่งที่ผู้ฟังได้ยิน คือ “คุณคงไม่รู้หรอกว่า ฉันอดทนต่อปัญหามานานขนาดไหน”

หากคุณลองเปลี่ยนเป็นบอกเขาว่า “ดูเหมือนคุณจะคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่รู้จะทำยังไง เฮ้อ รู้สึกเหนื่อยใจด้วยจริงๆ”

3. “ฉัน/ผมก็เคยเจอแบบเดียวกับที่คุณเจอเลย ฉัน/ผมก็ยังผ่านมันมาได้เลย ทำไมคุณจะผ่านมันไปไม่ได้ล่ะ” ฟังดูเหมือนคุณพยายามจะให้กำลังใจเขา

แต่สิ่งที่ผู้ฟังได้ยิน คือ “ฉันคงไม่ดีพอที่จะทำได้เหมือนคนอื่นเขาสินะ ฉันเลยผ่านมันไปไม่ได้สักที”

หากคุณลองเปลี่ยนเป็นบอกเขาว่า “ฉัน/ผมก็เคยเจอเรื่องคล้ายๆ กับคุณนะ อาจจะไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว แต่ก็พอจะเทียบเคียงความรู้สึกได้เลยล่ะว่า มันยากและแย่แค่ไหน ตอนนั้นสิ่งที่ฉัน/ผมจัดการคือแบบนี้ ไม่รู้ว่า วิธีนี้มันจะเหมาะกับสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่ไหมนะ”

คำพูดที่สื่อสาร แล้วทำให้คนฟังรู้สึกโดนดูถูกว่า เขาอ่อนแอ การพูดตัดสินความคิด หรือการกระทำว่า เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่า ไม่มีใครยอมรับในตัวตนของเขา ไม่มีใครเข้าใจเขา ไม่มีใครอยู่กับความรู้สึกหนักอึ้งของเขาได้ ความรู้สึกโดดเดี่ยวไร้ค่า และการอยากพ้นจากความรู้สึกเหล่านี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญ มันกลับผลักให้เขาออกห่างจากการช่วยเหลือของคุณมากขึ้นไปอีก

เจตนาดีที่มากับท่าทีของการอยู่เคียงข้าง รับฟังอย่างเข้าใจ ยอมรับในตัวตน ปราศจากการตัดสิน เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทบทวนสิ่งที่จะทำ หรือพูดอะไรออกไป จะช่วยลดการตีตรา เพิ่มการเดินเคียงข้าง และอาจช่วยเป็นเกราะป้องกันการฆ่าตัวตายได้ แล้วคุณจะเห็นได้ว่า สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้น เขาจะกล้าเปิดเผยเรื่องราวที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในมุมมืดของใจมานานแสนนานให้คุณได้เห็นว่า มันมีอะไรมากกว่านั้นที่คุณไม่เคยรู้ความซับซ้อนมาก่อนเลยก็เป็นได้

สุดท้ายแล้ว ถ้าคุณไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะปลอบด้วยคำพูดให้แง่คิดแบบไหน หรือไม่รู้จะช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ยังไง แค่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเขากับอารมณ์อันหนักอึ้งที่เขากำลังแบกอยู่ ก็ช่วยมากที่จะทำให้เขารู้สึกว่า แม้คุณจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ แต่การมีเพื่อนเคียงข้างมันสำคัญมากมายเช่นกัน